การเขียนแผนการจัดประสบการณ์ประจำวันระดับปฐมวัยศึกษา
ผู้ช่วยศาสตราจารย์วัฒนา ปุญญฤทธิ์
แผนการจัดประสบการณ์รายวัน (daily plan) เป็นการวางแผนการสอนรายวันที่ครอบคลุมพัฒนาการทั้ง 4 ด้านของเด็กปฐมวัยผ่านการกำหนดกิจกรรมประจำวัน เพื่อให้เด็กปฏิบัติและได้รับประสบการณ์ อันจะนำไปสู่การบรรลุวัตถุประสงค์การศึกษาทั้งด้านพุทธิพิสัย จิตพิสัย และทักษะพิสัย
การเขียนแผนการจัดประสบการณ์รายวันจะนำสาระที่ควรเรียนรู้และประสบการณ์สำคัญที่กำหนดเป็นหน่วยบูรณาการ (unit plan) นำมาออกแบบเป็นแผนการจัดการประสบการณ์รายสัปดาห์ (weekly plan) มาวางแผนการจัดประสบการณ์แต่ละวันในกิจกรรมประจำวัน ซึ่งแผนการจัดประสบการณ์นั้นจะยึดหลักความสอดคล้องกับสาระสำคัญและจุดประสงค์ของหน่วยบูรณาการที่กำหนดไว้ในตอนต้น
หัวข้อของแผนการจัดประสบการณ์รายวัน ประกอบด้วย
ชื่อกิจกรรม
เรื่อง
ระดับชั้นและเวลา
สาระสำคัญ
จุดประสงค์
เนื้อเรื่อง
กิจกรรม
สื่อและแหล่งเรียนรู้
การประเมินผล
บันทึกผลหลังสอน
กิจกรรมสนับสนุน
ทั้งนี้มีรายละเอียดของแต่ละหัวข้อดังต่อไปนี้
ชื่อกิจกรรม ให้ระบุลักษณะของกิจกรรมนั้นว่าเป็นกิจกรรมใด เช่น กิจกรรมกลางแจ้ง กิจกรรมเสริมประสบการณ์ กิจกรรมสร้างสรรค์ ฯลฯ การระบุชื่อกิจกรรม ทำให้เกิดความชัดเจน ว่ากิจกรรมนั้น มีวัตถุประสงค์การเรียนรู้อย่างใด และจะนำไปสู่การส่งเสริมพัฒนาการด้านใดของผู้เรียน ทั้งนี้การกำหนดชื่อกิจกรรมทำให้ผู้เขียนแผนสามารถจัดกิจกรรมไปตามหลักการจัดกิจกรรมนั้นๆ และเกิดความชัดเจนว่าผู้เรียนจะได้รับพัฒนาการและเกิดประสบการณ์สำคัญด้านใด เช่น กิจกรรมเสริมประสบการณ์ ผู้เรียนจะได้รับประสบการณ์ด้านการคิด และทักษะพื้นฐานทางการเรียน การสร้างความรู้ ถ้าเป็นกิจกรรมกลางแจ้ง ผู้เรียนจะได้รับประสบการณ์สำคัญทางกาย เป็นต้น
ชื่อเรื่อง การระบุชื่อเรื่องเป็นการนำหัวข้อเรื่องที่ได้จากการระดมความคิดเห็นร่วมกัน ระหว่างครูกับผู้เรียนมากำหนดโดยให้สัมพันธ์กับสาระสำคัญของหน่วยบูรณาการ เพิื่อแสดงทิศทางและสาระสำคัญของกิจกรรมที่จะจัดต่อไป
ตัวอย่างเช่น หน่วยบูรณาการเรื่อง เมล็ดพืช
ชื่อกิจกรรม เสริมประสบการณ์
เรื่อง การเพาะเมล็ดถั่วเขียว
ระดับชั้นและเวลา การระบุระดับชั้นเรียนไว้ในแผนการจัดประสบการณ์ เป็นสิ่งที่แสดงถึงความยาก ง่าย ของกิจกรรมที่สัมพันธ์กับพัฒนาการและขีดความสามารถของผู้เรียน และแสดงให้เห็นถึงความต้องการที่จะพัฒนาคุณลักษณะของผู้เรียนให้เต็มศักยภาพที่มี ส่วนระยะเวลาจะสัมพันธ์กับลักษณะกิจกรรม และขอบเขตความสามารถในการทำกิจกรรมในช่วงเวลานั้นๆ
ตัวอย่างเช่น กิจกรรมเสริมประสบการณ์ของเด็กอนุบาลวัย 5 ปี ใช้ระยะเวลาประมาณ 20 นาที แต่ทั้งนี้ระยะเวลาที่กำหนด ต้องสอดคล้องกับแบบของกิจกรรมนั้นๆด้วย ถ้ากิจกรรมนั้นออกแบบให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติการ ทดลอง เช่น การออกแบบให้ผู้เรียนทดลองเพาะเมล็ดถั่วเขียวในกะบะทราย เปรียบเทียบกับการทดลองเพาะใน กะบะเปล่า โดยใช้ผ้าคลุม การออกแบบกิจกรรมเช่นนี้ อาจต้องใช้เวลาให้เพียงพอกับการปฏิบัติจริง ซึ่งมากกว่าเวลา 20 นาที อาจเป็น 30 – 40 นาที เป็นต้น
สาระสำคัญ เป็นการกำหนดสิ่งที่ต้องการให้เกิดกับผู้เรียนในด้านมโนภาพของเรื่องนั้นๆ หลังจากได้ทำ
กิจกรรมไป ทั้งนี้การเขียนสาระสำคัญ สามารถเขียนได้ 4 ลักษณะ คือ
1. การเขียนสาระสำคัญที่อธิบายหรือให้ความหมายของสิ่งที่เรียน
2. การเขียนสาระสำคัญที่ระบุความเป็นจริงหรือลักษณะ หรือคุณสมบัติของสิ่งที่เรียนหรือสถานการณ์นั้นๆ
3. การเขียนสาระสำคัญที่ระบุถึงความสำคัญของสิ่งนั้นหรือสถานการณ์นั้นๆ
4. การเขียนสาระสำคัญที่ระบุถึงประโยชน์หรือการนำไปใช้ของสิ่งที่เรียน
โดยการเลือกเขียนสาระสำคัญจะต้องเลือกวิธีเขียนให้เหมาะสมกับเรื่องและกิจกรรมที่ออกแบบไว้ เช่น เรื่อง “การเพาะเมล็ดถั่วเขียว” การเขียนสาระสำคัญควรจะเลือกเขียนในแบบที่ 2 ที่แสดงถึงลักษณะของสถานการณ์นั้นๆที่ผู้เรียนได้ปฏิบัติ ทำให้เกิดความรู้ความเข้าใจถึงขั้นตอนการเพาะเมล็ดถั่วเขียว
จุดประสงค์ การเขียนจุดประสงค์ในแผนการจัดประสบการณ์รายวันนี้ เป็นการกำหนดจุดประสงค์ระดับกิจกรรม ทั้งนี้จะกำหนดเป็นจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมหรือไม่ก็ได้ การเขียนจุดประสงค์จะต้องสอดคล้องกับสาระสำคัญที่ระบุไว้ในตอนต้น แล้วนำมากำหนดเป็นจุดประสงค์ของการจัดประสบการณ์ในครั้งนี้ ครอบคลุมความรู้ที่ต้องการให้ผู้เรียนได้รับ ในด้านพุทธิพิสัย จิตพิสัยหรือทักษะพิสัย ด้านใดด้านหนึ่งหรือหลายด้านแต่ต้องสอดคล้องกับแบบของกิจกรรมและเวลาที่กำหนดไว้ เช่น กิจกรรมการเล่นกลางแจ้ง จุดประสงค์ก็ควรเป็นจุดประสงค์ที่ให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์สำคัญทางกาย แต่หากกิจกรรมกลางแจ้งนั้น จัดให้เล่นเกมที่มีกติกาประกอบด้วย จุดประสงค์จะกำหนดเป็นจุดประสงค์ด้านทักษะพิสัย คือ คล่องแคล่วว่องไวของการเคลื่อนไหวร่างกายรวมทั้งจุดประสงค์ทางด้านจิตพิสัย คือ การปฏิบัติตนตามข้องตกลงกติกาในการเล่น เป็นต้น ข้อควรคำนึงอีกประการหนึ่งของการเขียนจุดประสงค์ของการจัดประสบการณ์แต่ละครั้งควรกำหนดจุดประสงค์ที่จะเกิดขึ้นได้ในเวลาและแบบของกิจกรรมที่กำหนดไว้ ไม่ควรกำหนดจุดประสงค์หลายข้อเกินไปเพราะยากที่จะให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาในหลายๆอย่างเกินกว่าจะทำได้ในเวลาที่จำกัด การเขียนจุดประสงค์ที่ดี คือ กำหนดให้ชัดเจน เหมาะกับแบบของกิจกรรม อยู่ในระดับของคุณลักษณะตามวัยของผู้เรียน และสามารถวัดหรือประเมินได้ว่า ผู้เรียนบรรลุวัตถุประสงค์จากกิจกรรมที่ให้ปฏิบัตินั้น
เนื้อเรื่องหรือสาระการเรียนรู้ เป็นการนำเรื่องที่กำหนดไว้มาให้รายละเอียดที่ครอบคลุมสาระสำคัญที่ระบุไว้ การเขียนส่วนของเนื้อเรื่องต้องมีความง่าย ชัดเจน และเป็นข้อมูลที่เป็นจริง ซึ่งครูจะต้องมีความรู้ในสิ่งนั้นๆ และนำมาเรียบเรียงเป็นภาษาที่สื่อสารและทำความเข้าใจกับผู้เรียนได้เหมาะสม การเขียนเนื้อเรื่องจะไม่มากจนกลายเป็นการสอนเนื้อหา แต่ไม่สั้นจนไม่มีสาระเพียงพอที่จะนำไปใช้จัดกิจกรรมได้ การกำหนดเนื้อหาสาระในระดับการศึกษาปฐมวัยนั้น มีจุดประสงค์เพื่อใช้เป็นสื่อที่จะนำผู้เรียนไปสู่การปฏิบัติกิจกรรม เพื่อสร้างความรู้ด้วยตนเอง ไม่ได้จัดเนื้อหาเพื่อให้ผู้เรียนต้องท่องจำหรือจดจำสาระเนื้อหานั้นๆ สำหรับเนื้อหาที่เป็นสาระที่จะนำไปใช้เป็นสื่อในการจัดกิจกรรมระดับปฐมวัยนั้น มี 3 ระดับ คือ เนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับข้อเท็จจริง เนื้อหาที่กระตุ้นหรือสนับสนุนให้เกิดการคิดไตร่ตรองและเนื้อหาที่กลั่นกรองเกิดเป็นความรู้ความเข้าใจในสิ่งนั้นๆ ดังนั้น การกำหนดเนื้อหาสาระการเรียนรู้สำหรับเด็ก ควรเริ่มจากการกำหนดเนื้อหาที่มาสู่การจัดกิจกรรมให้เด็กได้รู้ เข้าใจถึงความเป็นจริงในสิ่งนั้นๆ เพื่อเป็นพื้นฐานก่อนที่จะเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้นไป
กิจกรรม เป็นการกำหนดสิ่งที่ได้วางแผนร่วมกับผู้เรียน ให้ผู้เรียนปฏิบัติได้รับประสบการณ์ที่นำไปสู่ผลที่กำหนดไว้ในวัตถุประสงค์ การกำหนดกิจกรรมมีจุดเน้นที่ให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วม และได้เรียนในสิ่งที่สนใจ ดังนั้น การออกแบบกิจกรรมครูจะต้องมีการเตรียมการทั้งด้านวิธีการ การเตรียมวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อม การกำหนดกิจกรรมจะมี 3 ขั้นตอน คือ
ขั้นนำ เป็นการเตรียมผู้เรียนให้พร้อมที่จะเรียนสิ่งใหม่ โดยการสร้างความสนใจและความต้องการให้ผู้เรียนอยากรู้หรือต้องการที่จะเรียน รวมทั้งการตรวจสอบประสบการณ์เดิมของผู้เรียน
ขั้นทำกิจกรรม เป็นการให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติกิจกรรมตามที่ออกแบบไว้ โดยครูจะใช้เทคนิคการกระตุ้น สนับสนุน และเสริมแรง ให้ผู้เรียนทำกิจกรรมจนจบ และเกิดผลการเรียนรู้
ขั้นสรุป เป็นขั้นตอนที่ผู้เรียนร่วมกันสรุปถึงผลการปฏิบัติที่เกิดขึ้น ทั้งนี้จะต้องสอดคล้องกับสาระสำคัญที่ระบุไว้ อันแสดงถึงผลการจัดประสบการณ์ที่ผู้เรียนได้รับ
สื่อและแหล่งเรียนรู้ การกำหนดสื่อและแหล่งเรียนรู้ต้องเป็นไปตามที่ออกแบบกิจกรรมไว้และหากเป็นสื่อที่ใช้ประกอบการปฏิบัติ จะต้องมีปริมาณที่เพียงพอกับผู้ปฏิบัติ กรณีที่ใช้แหล่งเรียนรู้ จะต้องระบุรายละเอียดของแหล่งเรียนรู้ให้ชัดเจน
การประเมินผล เป็นการระบุวิธีการและเครื่องมือที่ใช้ประเมินผลผู้เรียนที่สอดคล้องกับจุดประสงค์ที่กำหนดไว้ในตอนแรก เช่น กำหนดจุดประสงค์เพื่อพัฒนาทักษะการสังเกต ของผู้เรียน การประเมินผลจะใช้วิธีประเมินโดยการสังเกตพฤติกรรมขณะที่ทำกิจกรรมของผู้เรียน ส่วนเครื่องมือคือแบบสังเกตพฤติกรรมของผู้เรียน เป็นต้น
บันทึกผลหลังสอน เป็นการบันทึกใน 2 ลักษณะ คือ บันทึกผลที่เกิดขึ้นกับผู้เรียนถึงการทำกิจกรรมและการเรียนรู้ที่เกิดขึ้น ส่วนอีกลักษณะหนึ่งเป็นการบันทึกผลการปฏิบัติของผู้สอนถึงการใช้แผนการจัดประสบการณ์ว่ามีปัญหาอุปสรรคใดหรือไม่ เพื่อนำไปปรับปรุงแผนการจัดประสบการณ์ในครั้งต่อไป
กิจกรรมสนับสนุน ในบางเรื่องการทำกิจกรรมอาจไม่สิ้นสุดในเวลาที่กำหนด หรือมีเรื่องที่น่าสนใจเพิ่มเติม หรือต้องการให้ผู้เรียนได้มีกิจกรรมต่อเนื่อง อาจกำหนดกิจกรรมสนับสนุนเพิ่มเติมได้อีก
จะเห็นได้ว่า การเขียนแผนการจัดประสบการณ์นั้น มีจุดเน้นในเรื่องของความสอดคล้องสัมพันธ์กันในทุกส่วน การสอนที่ดีนั้น นอกจากผู้สอนจะเลือกกลยุทธ์การจัดประสบการณ์ที่เหมาะสมแล้ว การเขียนแผนการจัดประสบการณ์ล่วงหน้าที่ดี จะช่วยให้สามารถจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้อย่างราบรื่น และเกิดผลตามที่กำหนดไว้
…………………………………………………………
เอกสารอ้างอิง
วรนาท รักสกุลไทย.(2547). ประมวลสาระขุดวิชาการจัดประสบการณ์สำหรับเด็กปฐมวัย.หน่วยที่ 6 . นนทบุรี : สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
วัฒนา ปุญญฤทธิ์. (2552). การจัดการเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัย.กรุงเทพฯ : วิทยาลัยการฝึกหัดครู.
Warner,L.and J.Sower.(2005) Educating young children from preschool through primary grade.
New York : Pearson Education, Inc.